แว่นกรองแสง ถนอมดวงตา ได้อย่างไร
การที่เราจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ ก็ด้วยแสงที่สะท้อนออกจากวัตถุออกสู่ดวงตา แต่แสงเองก็มีหลายสิ่งอยู่ภายในที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ ไม่ว่าจะเป็นแสงที่จ้าเกินไป รังสี Ultraviolet (UV) ทั้งประเภท UVA และ UVB รวมไปถึงแสงสีฟ้าที่ออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แทปเลต และโทรศัพท์มือถือ ที่ผู้คนใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ก็อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้เช่นกัน
เมื่อเรามีดวงตาเพียงคู่เดียว เราคงต้องการป้องกันดวงตาให้สามารถใช้งานได้ดีและอยู่กับเราอย่างนานที่สุด แต่จะทำอย่างไรเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ดวงตาอยู่ตลอดเวลา ทั้งต้องขับรถ ออกพื้นที่กลางแจ้ง และต้องทำงานด้วยคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ การหลีกเลี่ยงหรือลดพฤติกรรมเหล่านี้ คงจะเป็นการป้องกันและถนอมดวงตาที่ดีที่สุด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างแว่นกรองแสง ก็ถือเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง
หลักการทำงานของแว่นกรองแสง
– เลนส์มัลติโค้ท ( Multicoat ) ที่สามารถตัดแสงสะท้อนได้ จะแตกต่างจากเลนส์พลาสติกที่ไม่สามารถตัดแสงสะท้อน โดยเลนส์ประเภทมัลติโค้ทนี้จะมีการเคลือบผิวเลนส์ (coating) ด้วยสารเคมีบางอย่าง เพื่อกรองแสงจ้าที่สะท้อนเข้าตา ทั้งแสงจากตัวคอมพิวเตอร์ แสงที่ลอดจากหน้าต่าง แสงจากหลอดไฟที่เพดานห้อง โดยเฉพาะแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้ในห้องจะมีแสงยูวีและแสงสีน้ำเงินหรือแสงสีฟ้าลอดออกมาด้วย การเคลือบผิวเลนส์จะตัดแสงนี้ออกไป ปกติแล้วแสงสีน้ำเงินทำให้ตาคนเราปรับโฟกัสยาก เนื่องจากมีคุณสมบัติกระจายแสงมาก การเคลือบช่วยตัดสีน้ำเงินออกจึงทำให้ตาปรับโฟกัสได้ดีขึ้น นอกจากนี้แสงสีน้ำเงินหรือแสงสีฟ้ายังมีความสว่างมากที่สุดเมื่อเทียบกับแสงสีอื่น จึงอาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้มากที่สุด การตัดแสงสีฟ้าออกไป จึงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยถนอมดวงตาได้
นอกจากนี้เลนส์บางประเภทยังมีการเคลือบสารป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ EMI (Electro Magnetic Infrared Lens ) ซึ่งเชื่อกันว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือจะมีการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นอันตรายต่อดวงตาหรือไม่ แต่แว่นชนิดนี้ก็สามารถป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้จริง โดยมีหลักการคือการใช้ของเหลวที่เป็นโลหะใส ซึ่งนำไฟฟ้า เคลือบไว้ที่ผิวเลนส์ เมื่อมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาที่ดวงตา ก็จะถูกสารเคลือบที่ผิวแว่นตาจับไว้ ไม่สามารถทะลุเข้าถึงดวงตาได้ หากแว่นตาที่มีการเคลือบสารป้องกัน EMI มีราคาไม่สูงเกินไปก็อาจจะพิจารณาซื้อไว้ได้
– เลนส์บลูกรองแสงหน้าจอคอม และ มือถือ ( Blue Light Block ) เลนส์ที่มีคุณสมบัติป้องกันแสงสีน้ำเงินหน้าจอคอม และ มือถือ ลดอาการแสบตา ปวดตา ขณะใช้งานหน้าจอ
– เลนส์เปลี่ยนสี ( SunGray หรือ Auto Lens ) ซึ่งสามารถเปลี่ยนความเข้มของสีเลนส์ได้ ตามความเข้มของแสงที่ได้รับ และสีของเลนส์จะจางลงเมื่อเข้ามาสู่ที่ร่มเพราะในเนื้อวัสดุของเลนส์จะผสมสารซิลเวอร์ฮาไลด์ ซึ่งไวต่อแสงแดด และรังสี UV เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งควบคู่กับการทำงานในออฟฟิศหรือทำงานในร่ม
– การทำสีที่เลนส์ (Tint) เพื่อลดแสงที่จ้าเกินไปลง ปกติเลนส์ที่ทำสีจะอยู่ในแว่นกันแดด อีกทั้งกรองสีน้ำเงินออกไป อาจใช้สีเทาซึ่งช่วยลดความสว่างลง สีชมพูจะตัดสีน้ำเงินออกไปมากกว่าสีอื่น หรือสีเบจ (สีเทาแกมแดง) เพิ่ม contrast ขึ้น
– การใส่ปริซึม เพื่อช่วยแก้ไขผู้ที่มีอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อกลอกตา เช่นผู้ที่เป็นตาเข หรือตาเอก เมื่อใส่แว่นตาที่มีการใส่ปริซึมจะทำให้รู้สึกสบายตาขึ้น
วิธีเลือกแว่นกรองแสงหรือแว่นกันแดดเพื่อถนอมดวงตา
– สังเกตที่ป้าย ต้องมีป้ายบอกว่าป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 100% (ระวังป้ายหลอกเมื่อซื้อจากร้านค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน) โดยปกติแล้ว แว่นที่สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 100% จะต้องมีป้ายระบุอย่างชัดเจน
– ในกรณีของแว่นกันแดด ควรจะมีเลนส์ขนาดใหญ่และกว้าง เพื่อพื้นที่ในการปกป้องแสงแดดมากที่สุด
– อาจเลือกแว่นที่มีเลนส์มัลติโค้ท สามารถตัดแสงสะท้อนจากแสงไฟ และป้องกันรังสี UV ได้ และยังมีแว่นตามัลติโค้ทประเภทที่สามารถเปลี่ยนสีเลนส์ได้ตามสภาพแสง เช่น เมื่ออยู่กลางแดดเลนส์จะเป็นสีดำ เมื่ออยู่กลางแสงไฟ เลนส์จะเป็นสีอ่อน เมื่ออยู่ในที่ร่มจะเป็นเลนส์ใส เป็นต้น อีกทั้งเลนส์มัลติโค้ทยังมีชนิดที่สามารถตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือที่เป็นอันตรายให้เลือกอีกด้วย หากเลือกใช้แว่นตาที่มีเลนส์มัลติโค้ทที่สามารถเปลี่ยนสีได้และตัดแสงสีฟ้าได้ ก็จะสามารถปกป้องดวงตาได้จากทุกสถานการณ์ โดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนแว่นตาบ่อยๆ แต่แว่นตาประเภทนี้ก็จะมีราคาแพงมากเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อแว่นกรองแสงหรือแว่นกันแดดเพื่อป้องกันแสงแดดและรังสี UV ควรเลือกซื้อจากร้านค้าและยี่ห้อที่มีมาตรฐาน เพื่อคุณภาพและความทนทาน สามารถมองเห็นภาพที่คมชัดและใช้งานได้ยาวนาน หากซื้อแว่นกันแดดหรือแว่นกรองแสงจากร้านค้าและยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจใช้งานแว่นตาได้ไม่นานจนไม่คุ้มค่า และไม่สามารถเห็นภาพที่คมชัดอีกด้วย
อ้างอิง
http://www.lasikthai.com/cms.php?ref=do:read/id:53
