ตาแห้งและแสบตาเวลาอยู่หน้าจอมือถือ ทำยังไงดี
โรคตาแห้ง คืออาการที่ดวงตามีการผลิตน้ำตามาหล่อลื่นตามผิวดวงตาน้อยกว่าปกติจนแห้งและแสบตา อาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง คือการกะพริบตาที่ลดลง จึงเป็นสาเหตุให้มีการสร้างน้ำตาลดลงไปด้วย และการกะพริบตาที่ลดลงดังกล่าว ก็เกิดจากการใช้สายตาจ้องมองไปที่วัตถุเป็นเวลานาน วัตถุนี้ในปัจจุบันน่าจะเป็นหนังสือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอมือถือนั่นเอง
อาการของโรคตาแห้ง
อาการของโรคตาแห้งที่สังเกตได้ชัดเจนมีดังนี้
– คันตา แสบตา ระคายเคืองตา
– รู้สึกเหมือนมีฝุ่นในตา
– แพ้แสง แพ้ลม
– ตาขาวมีสีแดง
– ตามัวบางขณะ
– ไม่สบายตาเมื่อตื่นนอน
เมื่อเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ครบทุกอาการ ก็ให้สงสัยว่าตาอาจจะแห้ง ควรหาวิธีป้องกันหรือรักษาอาการเหล่านี้โดยเร็ว เบื้องต้นอาจปรับพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง หรือใช้น้ำตาเทียมเพื่อชดเชยปริมาณน้ำตาที่ร่างกายผลิตได้ไม่พอต่อความต้องการ
ผลเสียของอาการตาแห้ง
เมื่อเป็นโรคตาแห้งแล้วจะเกิดผลเสียตามมา นอกจากอาการแสบตา เคืองตา ตาสู้แสงไม่ได้ แล้ว ยังมีผลเสียอย่างอื่นอีก เช่น
– กระจกตาถลอก ผิวตาหลุดลอกออกมา ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย และมีความเจ็บปวดมากขึ้น
– เนื้อเยื่อของเยื่อบุผิวของเยื่อตาและขอบกระจกตาเกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวลูกตาดูไม่สดใส
– มีหลอดเลือดใหม่เข้ามา ทำให้กระจกตาขุ่นขาว ทำให้เกิดตาแดง ตาพร่ามัว
– หากเกิดการอักเสบที่เปลือกตาอาจทำให้เกิดการดึงรั้งของเปลือกตา ทำให้ขนตาทิ่มตา ซึ่งเชื้อโรคที่อยู่ที่ขนตาจะเข้าไปในดวงตาทำให้เกิดการติดเชื้อได้
– ถ้าปล่อยให้เป็นตาแห้งไปนานๆ กระจกตาจะเกิดแผลเป็น ทำให้บางลง บางรายกระจกตาอาจทะลุได้
จะเห็นได้ว่าโรคตาแห้งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ถ้านิ่งนอนใจปล่อยไว้โดยไม่รักษาหรือเปลี่ยนพฤติกรรม ก็อาจเกิดผลเสียที่ร้ายแรงต่อดวงตาได้เลยทีเดียว
วิธีป้องกันโรคตาแห้ง
หากเป็นอาการตาแห้งที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน วิธีป้องกันก็คงจะง่ายนิดเดียว คือใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือให้น้อยลง แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ต้องพยายามกะพริบตาให้มากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างน้ำตาออกมาเคลือบผิวตาให้มากขึ้น และต้องมีการพักสายตาเป็นระยะๆ ดื่มน้ำให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน เพิ่มความชื้นในห้องทำงานหรือห้องที่ใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ โดยอาจจะตั้งแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะทำงานหรือหัวเตียง เมื่อออกสู่กลางแจ้งให้สวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาต้องสัมผัสกับลมและแสงแดด โดยอาจจะเลือกแว่นที่มีเลนส์ขนาดใหญ่เพื่อจะได้มีพื้นที่ที่ป้องกันลมและแสงแดดมากที่สุด และควรรับประทานอาหารที่มี omega-3 เพื่อให้ดวงตามีสุขภาพดี ซึ่งอาหารที่มี omega-3 ที่สามารถบำรุงดวงตานี้ มีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาแม็คเคอเรล ปลาทูน่า หรือผู้ที่แพ้อาหารทะเลก็อาจเลือกเป็นปลาน้ำจืดที่มี omega-3 เช่นปลาช่อน ปลาสวาย หรือปลาดุก ซึ่งหาได้ง่ายในประเทศไทยและมีราคาถูกกว่าปลาทะเล แต่หากไม่ชอบปลาก็ยังมี omega-3 จากพืช เช่น เมล็ดวอลนัท บรอคโคลี่ ดอกกะหล่ำ เต้าหู้ ผักขม ถั่วเหลือง เป็นต้น
วิธีรักษาอาการตาแห้ง
เมื่อเกิดอาการตาแห้งขึ้นแล้ว ก่อนอื่นให้ลดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดตาแห้งลง คือใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือให้น้อยลง หรือลดการใช้สายตา เพื่อไม่ให้เกิดอาการมากกว่าเดิม และอาจมีแนวทางรักษาต่อไปดังนี้
– ใช้น้ำตาเทียม หากเป็นไม่มากอาจใช้น้ำตาเทียมเพื่อชดเชยปริมาณน้ำตาที่ร่างกายสร้างออกมาได้ไม่พอเพียงจนเกิดตาแห้ง โดยควรเลือกน้ำตาเทียมที่ปราศจากสารปรุงแต่งหรือมีสารปรุงแต่งน้อยที่สุด ซึ่งวิธีการใช้น้ำตาเทียมนี้ เป็นวิธีรักษาที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องไปพบแพทย์ และน้ำตาเทียมก็ยังมีราคาที่ไม่สูงมากและหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป แต่หากใช้น้ำตาเทียมแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็คงต้องใช้วิธีอื่นในการรักษาต่อไป
– การบล็อกท่อน้ำตา ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้น้ำตาหล่อเลี้ยงดวงตาได้นานขึ้น โดยแพทย์จะใช้เจลหรือซิลิโคนขนาดเล็กอุดเข้าไปในท่อน้ำตาที่จะระบายน้ำตาไปยังจมูกเป็นการชั่วคราว แต่ในรายที่เป็นมาก แพทย์อาจจะต้องผ่าตัดเพื่ออุดท่อนี้อย่างถาวร
– การใช้ยาหยอดเพื่อช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตา ก็จะเป็นการกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำตาออกมาหล่อเลี้ยงดวงตาให้มากขึ้น โดยแพทย์ต้องเป็นผู้สั่งยานี้ และเสริมด้วยอาหารที่มี omega-3 ด้วย ก็จะช่วยให้อาการตาแห้งดีขึ้นได้
– การลดการอักเสบของเปลือกตา อาการตาแห้งอาจทำให้เปลือกตาอักเสบตามมา แพทย์จะสั่งให้ใช้ยาหยอดตา และอาจมีการประคบอุ่นและนวดเปลือกตา ก็จะช่วยให้อาการอักเสบของเปลือกตาลดลงได้
– การทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำยาพิเศษ เพื่อกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา
